วันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2551




ใครอยากได้ซีดีอัลกุรอาน เราแจก ฟรี ครับ ท่านละ 1 แผ่นเป็นไฟล์ MP3 แผ่นรวมไฟล์ แต่ละท่านครบ 30 ยุซ(ประมาณ 2-4 เซค ต่อ 1 แผ่น แล้วแต่ความจุของแต่ละท่าน) ความจุซีดี 700 MB





ถ้าใครสนใจสามารถเลือกได้ว่าจะให้เราไรท์แผ่นของใคร โดยเลือกจากรายชื่อข้างล่างนี้ แล้วแจ้งรายละเอียดต่าง ๆ เช่น

1. ต้องการของเซคท่านใดบ้าง
2. แจ้งชื่อ-ที่อยู่ ที่ชัดเจน เพื่อง่ายในการจ่าหน้า ครับผม


และเราแจกโปรแกรม "อัลกุรอาน แฟลช" เพื่อใช้งานด้วย (แถมไปในแผ่นซีดี)






โดยแจ้งผ่านทาง อีเมล์ด้านล่าง แล้วเราจะจัดส่งให้เร็วที่สุดครับ ฟรีทุกอย่าง


01.Assudais عبدالرحمن السديس
02.Ali alkhuzaifee علي الحذيفي
03.saad alghomidee سعد الغامدي
04.haromul madanee الحرم المدني.. 4 قراء
05.solah abu khotir صلاح أبو خاطر
06.Abubakar shatiri شيخ أبوبكر الشاطري
07.Alharamul makkah مصحف الحرم المكى لعام 1426هـ
08.Mahir mueklee ماهر حمد المعيقلي
09.abdulloh almatrud عبدالله المطرود
010.Saud asshurem سعود الشريم

011.Emassudais asshurem السديس والشريم
012.Solah bin muhamad albadir صلاح بن محمد البدير
013.Adil kalbanee عادل الكلباني
014.Muhammad soleh محمد صالح أبوزيد
015.Abdul muhsun عبدالمحسن القاسم
016.Muhamad jibril محمد جبريل
017.abdulwadud haneef عبدالودود حنيف
018.Mustafa ismail مصطفى إسماعيل
019.Ahmad kholil shaheen أحمد خليل شاهين
020.Muhammad abdulkareem محمد عبدالكريم

021.Taufik assoik توفيق الصايغ
022.Abdulaziz ahmad عبدالعزيز الأحمد
023.Abdulhadee al kanakree عبدالهادي الكناكري
024.hanee arrifaee هاني الرفاعي
025.muhamad almahisnee محمد المحيسني
026.sayid ahmad abu zaid السيد أحمد أبوزيد
027.abdulloh bisfar عبدالله بصفر
028.Abdulaziz nada عبدالعزيز ندا
029.Muhamad ismail mukodam محمد إسماعيل المقدم
030.Abdulloh toha sarbal عبد الله طه سربل
031.Ahmad alajami أحمد العجمي

032.mahmud kholil al hasree محمود خليل الحصري



แจ้งรายละเอียดต่าง ๆ ได้ที่อีเมล์ด้านล่าง



แจกฟรี






อัลกุรอาน (อาหรับ: أَلْقُرآن) มาจากรากศัพท์ในภาษาอาหรับแปลว่า การอ่าน หรือ การรวบรวม

อัลลอหฺ ได้ทรงประทานคัมภีร์อัลกรุอานแก่ นบีมุฮัมมัด ซึ่งเป็นศาสนทูตคนสุดท้าย และคัมภีร์นี้ก็เป็นคัมภีร์สุดท้ายที่พระผู้เป็นเจ้าได้ส่งมาให้แก่มวลมนุษยชาติ หลังจากนี้แล้วจะไม่มีคัมภีร์ใด ๆ จากพระผู้เป็นเจ้าอีก คัมภีร์กรุอานนี้ได้ประทานมาเพื่อยกเลิกคัมภีร์เก่า ๆ ที่เคยได้ทรงประทานมาในอดีตนั่นคือคัมภีร์เตารอต (Torah) ที่เคยทรงประทานมาแก่ศาสดามูซา คัมภีร์ซะบูร (Psalm) ที่เคยทรงประทานมาแก่ศาสดาดาวูด (David) และ คัมภีร์อินญีล (Evangelis) ที่เคยทรงประทานมาแก่ศาสดาอีซา (Jesus) เป็นคัมภีร์ที่บริบูรณ์ไม่มีการเพี้ยนเปลี่ยนแปลง ภาษาของอัลกุรอานนั้นคือภาษาอาหรับ ซึ่งเป็นภาษาของศาสดามุฮัมมัด

การศรัทธาในคัมภีร์อัลกุรอานทั้งเล่มเป็นหลักการหนึ่งที่มุสลิมทุกคนต้องศรัทธา นั่นก็หมายความว่าหากไม่ศรัทธาในอัลกุรอาน หรือศรัทธาเพียงบางส่วนก็จะเป็นมุสลิมไม่ได้ เช่นเดียวกับที่ต้องศรัทธาว่าคัมภีร์อัลกุรอาน ที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้มีความบริบูรณ์ภายใต้การพิทักษ์ของอัลลอหฺพระผู้เป็นเจ้า ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีการสังคายนาอัลกุรอานเลย ตั้งแต่วันที่ท่านนบีเสียชีวิตจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ด้วยพระประสงค์ของอัลลอหฺภาษาอาหรับจึงเป็นภาษาโบราณภาษาเดียว ที่มีชีวิตอยู่จนกระทั่งวันนี้ได้ และได้กลายเป็นภาษามาตรฐานของประเทศอาหรับทั้งหลาย เป็นภาษาวิชาการของอิสลาม และเป็นภาษาที่ใช้ในการปฏิบัติศาสนพิธีของมุสลิมทุกคนทั่วโลก

ในราวปี ค.ศ.๖๑๐ เมื่อมุฮัมมัดนั่งบำเพ็ญตนอยู่ในถ้ำบนยอดเขาฮิรออ์อย่างที่เคยทำเป็นประจำ ญิบรีลทูตแห่งอัลลอหฺก็ปรากฏตนขึ้น และนำพระโองการจากพระผู้เป็นเจ้ามีความว่า

"จงอ่านเถิด ด้วยพระนามแห่งผู้อภิบาล ผู้ทรงให้บังเกิด พระองค์ผู้ทรงให้มนุษย์เกิดมาจากเลือดก้อนหนึ่ง จงอ่านเถิด และพระผู้อภิบาลของเธอนั้นคือผู้ทรงใจบุญยิ่ง ผู้ทรงสอนมนุษย์ด้วยปากกา ทรงสอนมนุษย์ในสิ่งที่เขาไม่รู้..." (บทอัลอะลัก)

คัมภีร์อัลกุรอานในคริสต์ศตวรรษที่ 18ตั้งแต่นั้นมา มุฮัมมัดก็ได้กลายเป็นศาสนทูตของอัลลอหฺ ที่ต้องรับหน้าที่ประกาศศาสนาของอัลลอหฺ นั่นคือศาสนาอิสลาม ที่ตั้งอยู่บนหลักการไม่บูชาสิ่งอื่นใดนอกจากอัลลอหฺ การวิวรณ์ การรับสาส์น หรือโองการจากอัลลอหฺนั้นเรียกในภาษาอาหรับว่า วะฮีย์ ศาสดามุฮัมมัดได้รับวะฮีย์เป็นคราวๆทะยอยลงมาเรื่อยๆ จากวะฮีย์แรกถึงวะฮีย์สุดท้ายใช้เวลา ๒๓ ปี ทุกครั้งที่วะฮีย์ลงมา ท่านศาสนทูตจะประกาศให้สาวกของท่านทราบ เพื่อจะได้ไปประกาศให้คนอื่นทราบอีกต่อไป สาวกจะพยายามท่องจำวะฮีย์ที่ลงมานั้นจนขึ้นใจ และท่านศาสดาจะสั่งให้อาลักษณ์ของท่านบันทึกลงในสมุดที่ทำด้วยหนังสัตว์ กระดูก หรือสิ่งอื่นๆที่สามารถเก็บรักษาไว้ได้

ชาวอาหรับสมัยนั้นเก่งกาจในเชิงกวีนิพนธ์ มีกวีลือนามปรากฏอยู่ทุกเผ่า ที่กะอฺบะหฺนั้นก็มีบทกวีที่แต่งโดยเจ็ดยอดกวีอาหรับ เขียนด้วยน้ำทองคำแขวนอยู่ ในงานแสดงสินค้าประจำปีที่ อุกาซ ในอาราเบีย ที่จัดให้อาหรับทุกเผ่าพันธุ์มาพบปะแลกเปลี่ยนสินค้าและวัฒนธรรม ก็จะมีกิจกรรมที่สำคัญที่สุดร่วมอยู่ด้วยนั่นคือการประชันบทกวี

อันลักษณะของคัมภีร์อัลกรุอานนั้นอยู่กึ่งกลางระหว่างร้อยแก้วและร้อยกรอง คัมภีร์อัลกรุอานจึงเป็นสิ่งท้าทายที่พิศดารสำหรับชาวอาหรับ เพราะเป็นร้อยแก้วมีความไพเราะได้โดยไม่ต้องใช้มาตราสัมผัสและบทวรรคตามกฏของกวีนิพนธ์ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ชาวอาหรับฉงนใจว่า คนที่ไม่เคยแต่งโคลงกลอนและอ่านเขียนไม่ได้อย่างมุฮัมมัด จะต้องไม่ใช่ผู้แต่งอัลกุรอานเป็นแน่

อัลกุรอานแบ่งออกเป็นบท เรียกว่า ซูเราะหฺ ซึ่งมีทั้งหมด ๑๑๔ ซูเราะหฺ แต่ละซูเราะหฺ แบ่งเป็นวรรคสั้นยาวไม่เท่ากัน เรียกว่า อายะหฺ (แปลว่า สัญลักษณ์) ซึ่งอัลกรุอานมีอายะหฺทั้งหมด ๖๖๖๖ อายะหฺ ตามการนับมาตรฐาน (ดู คัมภีร์มาตรฐานที่พิมพ์โดยรัฐบาลซาอุดิอารเบีย) เนื้อหาในอัลกุรอานนั้นแบ่งได้สามหมวดคือ หนึ่งเกี่ยวกับหลักการศรัทธาต่ออัลลอหฺ พระผู้เป็นเจ้า ความเร้นลับที่มีอยู่ในและนอกกาละและเทศะ หมวดที่สองคือพงศาวดารของประเทศชาติก่อนอิสลาม และคำพยากรณ์สำหรับอนาคตกาล หมวดที่สามเป็นนิติบัญญัติสำหรับมนุษย์ที่จะต้องนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ในแต่ละซูเราะหฺหรือแม้ในแต่ละวรรคอาจจะมีที่ระบุถึงสามหมวดในเวลาเดียวกัน

คัมภีร์อัลกรุอานมีความมหัศจรรย์หลายอย่าง ประการแรกก็คือความไพเราะที่กวีทุกคนต้องยองสยบ ประการที่สองคือการเปิดเผยความลี้ลับของศาสตร์และวิทยาการแขนงต่าง ๆ ที่คนสมัยนั้นยังไม่ทราบ การเปิดเผยพงศาวดารในอดีต การพยากรณ์อนาคต การเปิดเผยความลี้ลับที่วิทยาศาสตร์ยังไม่รู้ ดั่งเช่น การระบุถึงการขยายตัวของจักรวาล คลื่นใต้น้ำ และบทบาทของลมในการผสมพันธ์ของต้นไม้เป็นต้น

การที่ภาษาอาหรับเป็นภาษาที่ไม่แก่เฒ่าหรือตายเหมือนภาษาอื่น ๆ และการที่วิทยาการที่มีระบุในคัมภีร์อัลกรุอานไม่เคยล้าสมัย อีกทั้งคำสั่งสอนของอัลกุรอานก็เอาหลักตรรกวิทยาและปัญญาเป็นพื้นฐาน ชนมุสลิมเชื่อว่า คัมภีร์ที่เก่าแก่นานถึง ๑๔๐๐ ปีนี้จึงไม่ได้เก่าแก่ตามอายุ ทว่ายังใช้การได้ประดุจดังคัมภีร์นี้เพิ่งลงมาเมื่อวันนี้นี่เอง

ตามความเชื่อของชนมุสลิม ด้วยความมหัศจรรย์ของกรุอานดังที่กล่าวมาคือปาฏิหาริย์อันยิ่งใหญ่ ที่อัลลอหฺได้ทรงประทานให้แก่ท่านนบีมูฮัมมัด เพื่อยืนยันว่า อัลกรุอานเป็นโองการของพระผู้เป็นเจ้าอย่างแท้จริงไม่ใช่กวีนิพนธ์ของมนุษย์

"และถ้าพวกเธอยังแคลงใจใน(อัลกรุอาน)ที่เราประทานแก่บ่าวของเรา พวกเธอก็จงนำมาสักบทหนึ่งเยี่ยงนั้น และจงเรียกผู้ช่วยเหลือของพวกเธอมา -นอกจากอัลลอหฺ- ถ้าพวกเธอแน่จริง"

หลังจากศาสดามุฮัมมัดประกอบพิธีฮัจญ์ในมักกะหฺ อัลลอหฺก็ได้ทรงประทานโองการอันสุดท้าย นั่นคือ

"วันนี้ฉันได้ทำให้ศาสนาของพวกเธอสมบูรณ์ และฉันได้ทำให้ความโปรดปรานของฉันที่มีต่อพวกเธอนั้นบริบูรณ์ และฉันได้เลือกให้อิสลามเป็นศาสนาของพวกเธอ" (อัลมาอิดะหฺ ๓)

การเรียบเรียงโองการนั้นไม่ได้ถือหลักระดับก่อนหลังเป็นหลัก ทว่าอัลลอหฺเป็นผู้ทรงกำหนดวิธีการเรียง โองการที่ลงมาตอนท่านศาสดาอพยพ ซึ่งที่เรียกว่า มักกียะหฺ ก็อาจจะเข้าไปอยู่ในบทที่มีโองการที่ลงมาหลังอพยพไปมะดีนะหฺ คือทีเรียกว่า มะดะนียะหฺ ก่อนญิบรีลจะมาฟังท่านศาสดาอ่านทบทวนโองการที่ได้รับปีละครั้งทุกๆปี แต่ในปีสุดท้ายก่อนท่านศาสดาจะเสียชีวิตนั้น ญิบรีลได้มาฟังท่านศาสดาอ่านทบทวนอัลกุรอานสองครั้งเพื่อความมั่นใจว่าท่านศาสดาได้จดจำโองการทั้งหมด โดยไม่มีที่ตกบกพร่อง ท่านศาสดาเสียชีวิตหลังจากโองการอัลกุรอานได้รวบรวมขึ้นเป็นเล่มบริบูรณ์

เนื่องด้วยอัลกุรอานเป็นธรรมนูญของอิสลาม จึงเกิดมีวิทยาการใหญ่ ๆ แตกแขนงมาจากอัลกุรอานหลายสาขา เช่น วิชาตัจญวีด ซึ่งเป็นวิชาเกี่ยวกับการอ่านอัลกุรอานให้ถูกต้อง วิชาอุลูมอัลกุรอาน หรือที่เรียกว่า อุศูลอัลกุรอาน เป็นวิชาที่เกี่ยวข้องกับประวัติความเป็นมาของอัลกุรอาน ศึกษาว่าโองการแต่ละโองการลงมาที่ไหนเมื่อไหร่และเหตุใด อันเป็นส่วนช่วยในการตีความหมายอัลกุรอาน หรือที่เรียกว่า ตัฟซีรอัลกุรอาน

ตั้งอดีตจนกระทั่งปัจจุบันได้มีนักปราชญ์อิสลามหลายสิบคนที่ได้แต่งหนังสือตีความหมายอัลกุรอาน เรียกหนังสืออรรถาธิบายนี้ว่า หนังสือตัฟซีร และเรียกผู้แต่งว่า มุฟัซซิร การตีความหมายอัลกุรอานจะใช้หลักของอุลูมอัลกุรอานดังกล่าวบวกเข้ากับพระวจนะของศาสดา ภาษาศาสตร์ และวิทยาการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ในปัจจุบันนี้ชาวมุสลิมจะอ้างอิงหนังสือตัฟซีรเก่า ๆ เป็นหลักในการเขียนตัฟซีรใหม่ หรือในการแปลความหมายอัลกุรอานเป็นภาษาอื่น ๆ